วันที่ 10 ตุลาคม 2565 ผมบินกลับจากกรุงเทพฯ เพื่อเข้ามาดูบ้าน เพราะภรรยาโทรฯ มาแจ้งว่าน้ำเริ่มท่วมถนนหน้าโครงการฯ แล้ว ทางโครงการฯ ปีนี้ได้จัดการสร้างเขื่อนล้อมตัวหมู่บ้านไว้ได้อย่างดี แต่มีเพียงบ้านผมหลังเดียว ที่ไม่ได้มีการดูแล และปล่อยเผชิญกับน้ำที่หลากแรง และไหลบ่าเข้ามาในตัวบ้าน
วันที่ 11 ตุลาคม น้ำเริ่มล้อมโครงการฯ ไว้หมดแล้ว และบ้านของเราหลังที่ติดถนน เราได้ช่วยเหลือตนเองโดยการนำคนมาก่อกำแพงและหากระสอบทรายกันน้ำเข้าบ้านไว้เอง แต่ก็ไม่สามารถต้านทานแรงน้ำที่หมุดรอดเข้ามาในบริเวณบ้านได้ จริงๆ ได้ไปขอกระสอบทรายกับหัวหน้าคนงาน (คนอ้วนๆ ) กับบอกอย่างเฉยๆ ว่า ไม่มี และนั่งเล่นมือถือต่อ เลยต้องไปคุยกับผู้จัดการ ทางผู้จัดการได้ให้คนหากระสอบทราย มาอุดรอบตัวบ้านไว้ แต่สุดท้ายก็เอาไม่อยู่ น้ำได้เข้ามาในตัวบ้าน
วันที่ 12 ตุลาคม 2565 น้ำได้ถาโถมเข้ามาในบริเวณบ้าน และเริ่มเข้ามาในตัวบ้าน ตามภาพ
สิ่งหนึ่งที่เราเห็น และเจ้าหน้าที่โครงการฯ เห็นคือ บ้านผมน้ำท่วม แต่ก็ยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ ผมได้ยืนดูฟังโครงการฯ แห้งสนิท แต่บ้านผมน้ำระดับหัวเข่า พื้นที่ต่างกันแค่รั้วกัน มองก็เห็น แต่ไม่ช่วยอะไร
ด้วยความที่น้ำเข้ามาในตัวบ้านสูงขึ้นเรื่อยๆ แต่ทางโครงการเห็น แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เลยต้องปีนข้ามรั่วไป คุยกับทางผู้จัดการโครงการ ผู้จัดการใจดี สั่งให้เจาะกำแพง ให้น้ำไหลออกมาทางสำนักงาน เพื่อไหลลงไปยังท่อระบายน้ำ
รูที่ทางโครงการฯ เจาะให้เพื่อทำการระบายน้ำ
รูซ้าย ผู้จัดการโครงการฯ เจาะให้
รูขวา วิศวกรโครงการฯ เจาะ
ขนาดของรู บอกอะไรได้หลายอย่าง ถึงความใส่ใจและจริงใจ ขอบคุณทางโครงการ มา ณ ที่นี่
ถ้าไม่ได้รูใหญ่ๆ มาระบาย น้ำคงขังในบ้านอีกหลายวัน ขอบคุณมากครับ
เมื่อน้ำลดระดับลง ทำให้เราสามารถ ทำความสะอาดภายในตัวบ้าน ซึ่งบัวและสีเสียหาย แต่ไม่มีใครมาถามไถ่อะไร เราคิดในใจว่า หลังน้ำท่วม คงต้องหาเงินมาถมที่ดินขึ้น อีกกว่า 50 cm สูงเท่าๆ ระดับน้ำที่ท่วมในปี สองปีที่ผ่านมา
วันที่ 20 ตุลาคม 2565 ระบบน้ำที่ท่วมได้ลดลงเกือบปกติ เราเลยทุบกำแพงที่ก่อกันน้ำไว้ และย้ายกระสอบทรายออก เพื่อให้สามารถขับรถเข้าออกบ้านได้
รวมระยะเวลาน้ำท่วม 10 วันพอดี หลังจากนั้นก็ได้เวลาทำความสะอาดบ้าน