จากที่มาเริ่มสนใจ “งาช้าง” เนื่องจากกำลังทำโครงการสร้างพระพิฆเนศ ที่มีความสูง 168 cm. มาไว้ที่ BUY.th Gallery ด้วยความที่เป็นงาน “ความเชื่อ” บวกกับ “ศิลปะ” ประกอบกับตัวข้าพเจ้าเอง มีความเชื่อ ความเคารพ ต่อพระพิฆเนศ เลยอยากสร้างขึ้นมาไว้บูชาเอง เมื่อสร้างมาไว้บูชาเอง จะเลยอยากสร้างอะไรที่มีพิเศษกว่าทั่วๆ ไป นั้นก็คือ องค์พระพิฆเนศจะถืองาที่หักที่มือขวาของท่าน ข้าพเจ้าเลย อยากให้ได้ถืองาที่หัก ที่เป็นงาจริงๆ
งานนี้ นอกจากภาพที่ต้องออกแบบพระพิฆเนศตามที่ข้าพเจ้าคิดแล้วยังต้องหางาหัก ที่มีขนาด ถือให้พอดี กับขนาดขององค์พระพิฆเนศอีกด้วย และงานที่หินที่สุดคงจะหนีไม่พ้น งานหัก ซึ่งต้องหักจริงๆ ไม่ใช่งาที่ตัดออกมา แต่ต้องเป็นงาที่หัก จากช้าง ที่ยังมีชีวิตอยู่ เพื่อให้ตรงกับตามประวัติของพระพิฆเนศ ตามคัมภีร์พระเวท กล่าวไว้ว่า….
“ปรศุราม” องค์อวตารของวิษณุเทพ ใช้ขวานที่ยืมมาจาก “พระศิวะ” ขว้างใส่ “พระคเณศ” พระองค์จำใจต้องใช้งาข้างขวาของพระองค์รับขวานนั้น
งาข้างนั้นจึงเรียกว่า “งากำจัด” เกิดเป็นความเชื่อ ความศักดิ์สิทธิ์ ด้วยเหตุที่ “พระคเณศ” ทรงมีความกตัญญูเป็นอย่างยิ่งในตัวพระบิดา
หากครั้นจะต่อสู้กันไปก็อาจทำได้ แต่จะมีประโยชน์อะไรกับการทำลายฤทธิ์เดชของอาวุธซึ่งเป็นของบิดาตนเอง
นี่จึงเป็นความยากในการหางา แต่ก่อนอื่นเลย ขออธิบายเรื่อง งากำจัด เพิ่ม เพื่อเน้นให้เห็นถึงความหายาก และราคาแพงเพราะอะไร จากที่เกริ่นจากคัมภีร์พระเวท ไปแล้ว ถือเป็นตำนานจุดเริ่มต้นความเชื่อ จุดหนึ่งที่ได้ก่อกำเนิดความเชื่อเรื่อง งากำจัด ขึ้น
ที่นี่เรามาทำความรุ้จักกับงากำจัด งากำจาย งากระเด็น กันครับ ว่าคืออะไร
- งากำจัด คือ งาช้างที่แตกหักออกมาในขณะที่ช้างยังมีชีวิตอยู่ เป็นเรื่องที่เกิดได้ยาก โบราณท่านจึงถือว่าเป็น ของศักดิ์สิทธิ์ จะพบเห็นได้เมื่อช้างตกมันไล่อาละวาด จนเอางาแทงกับต้นไม้ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวขณะตกมัน แล้วงาจะหักคาอยู่กับต้นไม้
- งากำจาย เรียกอีกอย่างว่า งากระเด็น คือ งาของช้าง สองเชือกที่เข้าต่อสู้กันเพื่อชิงความเป็นใหญ่ (จ่าโขลง) หรือ แย่งตัวเมียแล้วต่อสู้กัน จนอาจมีปลายงาหัก แตกกระจาย แล้วตกหล่นอยู่กับพื้นดิน
ในภาคอิสาน จะเรียกทั้ง งากำจัด งากำจาย ว่า งากระเด็น เหมือนกัน ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องรางของขลัง ประเภททนสิทธิ์ มีดีในตัวมีความศักดิ์สิทธิ์ มีเทพปกปักรักษา โดยไม่ต้องผ่านการปลุกเสก แต่ถ้าได้นำไปให้ครูบาอาจารย์ปลุกเสกซ้ำอีก ก็จะเพิ่มความเข้มขลังเป็นหลายเท่าทวีคูณ นับว่าเป็นของหายากและมีคุณค่ายิ่ง ถือว่าเป็นโชคดีของผู้ที่ได้ครอบครอง ส่วนพุทธคุณนั้นเชื่อกันว่า ใครพกพาจะมีเมตตา มหาอำนาจ มหาลาภ เกิดบารมี ศัตรูยำเกรง ป้องกันคุณไสย์ ได้อีกด้วย
ดังนั้น ความเชื่อ เรื่อง งาช้าง จึงมีมา 2 แบบ (อันนี้สรุปเองนะ ฮา)
- ความเชื่อดั้งเดิม งานปกติ คือ งาช้างคือสัตว์มงคลของแผ่นดิน งาคืออาวุธของสัตว์มงคลชั้นสูง พาหนะทรงของพระมหากษัตริย์ สัญญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เป็นมงคล ความเชื่อในพลังอำนาจ เสริมอำนาจเดชบารมี ช่วยฟันฝ่าอุปสรรค แคล้วคลาดจากอันตราย มัชัยชนะเหนือศัตรูคู่แข่ง หนุนดวง แก้ดวงตก เพราะมีองค์เทพเทวาปกปักคุ้มครอง
- งากำจัดและงากำจาย ใครได้บูชาหรือพกติดตัวแล้ว จะดลบันดาลให้เกิดเป็น เมตตา มหาอำนาจ เกิดบารมีเป็นที่เกรงขามต่อศัตรู อีกทั้งยังปกป้องคุ้มครองให้แคล้วคลาดจากภยันอันตรายต่า ๆ ทั้งคุณไสย์ คุณผีและคุณคนได้ทุกประการ มีแต่ความสุขความเจริญตลอดไป แต่เมื่อผ่านพิธีกรรมมาแล้วสรรพคุณย่อมเพิ่มเป็น ทวีคูณ โดยจะสามารถเพิ่มตบะเดชะ เพิ่มบุญบารมี เพิ่มวาสนา ต่อชะตา ชีวิตให้แก่ผู้ครอบครองบูชาทำให้เกิด ความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีความ เจริญรุ่งเรือง มีสุขในทุกๆ ด้าน เป็น เครื่องรางอาถรรพ์ หนุนดวงชะตาคนดวง ตกได้เป็นอย่างดี ทำให้แคล้วคลาดปลอดภัย จากภัยอันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้
กลับมางานสร้างพระพิฆเนศของข้าพเจ้า ก็จะพบความยากลำบากในการหางาช้างที่หัก ในขณะที่มีชีวิตอยู่ตามคัมภีร์พระเวท นั้นคงต้องเป็นงากำจัด งากำจาย ซึ่งแน่นอนว่า จะต้องหายากมากๆ เพราะไม่ใช่จะเดินไปหาได้ง่ายๆ ถ้าหาได้ ก็จะต้องมีขนาดที่ข้าพเจ้าต้องการ และรูปทรงงดงามอีกด้วย ซึ่งทำให้ยากขึ้นไปอีก นี่ยังไม่รวมราคาที่น่าจะแพงเท่าๆ กับราคาหล่อองค์พระพิฆเนศเลย แต่ก็ต้องหาครับ เพื่อความสมบูรณ์และความตั้งใจ
ปล. กฏหมายใหม่ ตามพระราชบัญญัติ งาช้า พ.ศ.2558 กำหนดว่า กรณีครอบครองงาช้างไว้ในครอบครอง โดยไม่มีจุดประสงค์เพื่อการค้า อาจใช้สิทธิไม่ต้องแจ้งการครอบครองได้ แต่กรณีนี้ กฏหมายอนุญาตให้ครอบครองได้ คนละไม่เกิน 4 ชิ้น และไม่เกิน 12 ชิ้นต่อครัวเรือน โดยมีนำหนักรวมไม่เกิน 0.5 กิโลกรัม